Saturday, November 19, 2016

พาเด็กเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย (Legoland - Thomas town - Kitty town) ตอนที่ 3

ตอนที่ 3 เป็นการเที่ยว legoland ค่ะ แผนการเที่ยววันนี้คือ เช็คเอ้าท์จากโรงแรมที่ Johor Bahru ตอนเช้า แบกกระเป๋าไป legoland (ค้นข้อมูลก่อนมา ก็เลยรู้ว่าที่ legoland มีที่ฝากกระเป๋า) พอเที่ยวเสร็จก็กลับสิงคโปร์โดยรถทัวร์ของ WTS ค่ะ

สำหรับตอนที่ 3 นี้ จะเริ่มเล่าตั้งแต่เช็คอินโรงแรมเลยค่ะ คือหลังจากเล่นที่ Thomas town เสร็จเวลาประมาณหกโมงเย็น ก็นั่งแท็กซี่พร้อมสัมภาระไปโรงแรม  Nusa CT บริเวณที่โรงแรมตั้งอยู่ มีแต่ตึกแถว บรรยากาศชนบท มีสนามฟุตบอลใกล้ๆโรงแรม มีร้านอาหารตามสั่ง 1 ร้านติดกับโรงแรมเลย


ถ้ายืนหน้าโรงแรม จะเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ค่ะ มีสนามฟุตบอลหน้าโรงแรม

ที่เคาน์เตอร์เช็คอินดูเรียบร้อยดี ได้พักชั้น 2 มีลิฟท์ให้ขึ้น เราจองห้องพักแบบเตียงเล็ก 1 เตียง (สำหรับแม่) และเตียงใหญ่ 1 เตียง (สำหรับเราและลูก) พอเอาสัมภาระเก็บในห้องเสร็จ ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมค่ะ ลักษณะเหมือนร้านอาหารตามสั่งแถวต่างจังหวัดบ้านเรา คือบรรยากาศง่ายๆ ชาวบ้านๆ มีเมนูให้เลือก มีอาหารหลากหลาย แต่จำนวนรายการไม่เยอะ มีต้มยำด้วยค่ะ !! สรุปว่าสั่งต้มยำ ไข่เจียว (สำหรับลูก) ไก่ทอด และข้าวเปล่า (ร้านเค้าติดป้ายรูปภาพไก่ทอดหลายรูป ก็เลยเดาว่าไก่ทอดคงเป็นเมนูขายดีของร้านนี้ สั่งมาก็ไม่ผิดหวังค่ะ) รสชาติอาหารโดยรวมก็ใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ก็ไม่แย่ กินหมดเกลี้ยงทุกอย่าง เพราะเน้นสั่งอาหารพื้นๆ ไว้ก่อน ราคาทั้งหมดประมาณ 300 กว่าบาท

อาหารเช้าที่โรงแรม เป็นบุฟเฟ่ต์ง่ายๆ  รสชาติใช้ได้ ไม่ใช่ว่าอะไรๆ ก็มีแต่เครื่องเทศเหมือนอย่างที่กลัว เช็คเอ้าท์ และบอกโรงแรมให้เรียกแท็กซี่ให้ ข้อสรุปเรื่องโรงแรมคือคราวหน้าจะไม่มาที่นี่อีก เพราะ 1) บริเวณรอบๆโรงแรมไม่มีอะไรเลย 2) บังเอิญว่าคืนที่ไปพักมีไฟดับ ทำให้ร้อน และมีเสียงดังทั้งคืน ไม่ประทับใจ 3) ที่ Johor Barhu มีโรงแรมราคาไม่แพง ทำเลดีให้เลือกหลายที่

ระยะทางจากโรงแรม Nusa CT ไป legoland ไม่ไกล ประมาณ 7 กม. ราคาตามมิเตอร์ประมาณสี่ร้อยบาท ถนนโล่งมาก รถไม่ติด เพราะแถวนั้นคล้ายถนนระหว่างจังหวัดบ้านเรา ถนนเส้นใหญ่ รถน้อย มีป้ายบอกทางชัดเจน

พอมาถึง legoland อย่างแรกคือสำรวจหาจุดจอดรถของ WTS ก่อนเลย เพราะต้องกลับสิงคโปร์ด้วยรถบริษัทนี้ ถ้าตกรถ จะลำบาก สรุปว่าจุดจอดรถอยู่บริเวณที่จอดรถของ legoland ถ้าเราเดินออกจาก legoland ก็เลี้ยวซ้าย จะมีทางเดินประมาณ 500 เมตร จะเจอจุดรับส่งผู้โดยสาร อยู่ติดกับลานจอดรถที่กว้างมาก  พอรู้จุดขึ้นรถก็สบายใจแล้ว เข้าไปเที่ยวได้

อย่างแรกเลย ต้องฝากกระเป๋าก่อน ซึ่งตู้ฝากกระเป๋าจะมี 2 จุด คือด้านนอกกับด้านใน สำหรับด้านในต้องผ่านประตูเข้าไปก่อน แล้วจะเห็นจุดฝากกระเป๋าอยู่ด้านขวามือ มีป้าย "LOCKER" อยู่ติดกับ Mini Market ระบบการฝากกระเป๋าไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ เพราะใช้ระบบอัตโนมัติ คือจะมีเครื่องที่หน้าตาเหมือนเครื่อง ATM ให้เราจิ้มที่หน้าจอเพื่อเลือกว่าจะใช้ตู้ใหญ่หรือตู้เล็ก จากนั้นกรอก password 2 ชั้น เป็น วันเดือนปีเกิด และสีที่ชอบ จากนั้นสอดธนบัตรตามราคาที่เครื่องแจ้ง เสร็จแล้วเครื่องจะบอกว่าเราได้ตู้เบอร์อะไร พร้อมปลดล็อคตู้ของเราให้อัตโนมัติ  เราเลือกตู้ขนาดใหญ่และฝากทั้งวัน ราคา 40 RM เพราะมีกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 2 ใบ ใส่ได้พอดีเลย

จากรูป จุดฝากกระเป๋าอยู่ซ้ายสุด ป้ายเล็กนิดนึง


อัตราค่าฝากกระเป๋า ตู้เล็ก 3 ชม = 10 RM, ตู้เล็กทั้งวัน = 20 RM, ตู้ใหญ่ 3 ชม.= 20 RM, ตู้ใหญ่ทั้งวัน = 40 RM


ตู้สีแดงที่เห็นคือตู้ที่เหมือน ATM มีไว้เพื่อให้เราเช่าล็อคเกอร์ด้วยตนเอง และควบคุมการเปิดปิดของล็อคเกอร์





ติดกับ Mini market มีรถเข็นให้เช่า มีหลายขนาดให้เลือก จัดไป 1 คันเลยค่ะ เอาไว้ให้ลูกนั่งและใส่สัมภาระของเราด้วย

ด้านใน legoland กว้างมาก มี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ สวนน้ำ และสวนสนุก ซึ่งซื้อตั๋วแยกกัน ครั้งนี้ไม่ได้เล่นสวนน้ำ ซื้อตั๋วสวนสนุกอย่างเดียว ภายในสวนสนุก ไม่ค่อยมีร่มเงา อากาศค่อนข้างร้อน สมควรพกร่ม หมวก พัด ทาครีมกันแดด ฯลฯ ถ้าใครต้องการมาเลโก้แลนด์เพื่อเล่นหรือเยี่ยมชมให้ครบทุกอย่าง วันเดียวอาจไม่พอนะคะ อย่างที่เรามาครั้งนี้ 1 วัน ยังเดินในสวนสนุกได้แค่ครึ่งเดียวเอง 










เมืองจำลองสร้างจากตัวต่อเลโก้ บางอัน มีการเคลื่อนไหวได้ด้วย เช่น รถบรรทุกแล่นได้/เลี้ยวได้ รถไฟฟ้าแล่นได้ แล่นไปทั่วเมืองจำลองเลย พอถึงสถานีก็หยุดแป๊บนึง มีลอดอุโมงค์ อันนี้ลูกชายชอบมาก











ล่องแก่ง


น้ำพุดนตรี พอเรายืนหน้าเครื่องดนตรี มันจะมีเสียงดนตรีชนิดนั้น


ตัวเลโก้คนที่นั่งบนไดโนเสาร์ จะฉีดน้ำใส่คนที่เดินผ่าน ถ้าไม่มีคนผ่าน จะไม่ฉีด











พอถึงใกล้เวลาที่จองรถกลับสิงคโปร์ ก็ไปยืนที่จุดจอดรถของเลโก้แลนด์ จะมีเจ้าหน้าที่ WTS เช็คว่าผู้โดยสารคนไหนมาแล้ว คนไหนยังไม่มา พอถึงเวลา รถก็มา เราก็ขึ้นรถ นั่งตรงไหนก็ได้ เพราะไม่มีการระบุหมายเลขที่นั่ง เจ้าหน้าที่จะอธิบายว่าเราต้องทำอย่างไรบ้าง อันดับแรกเราต้องผ่าน ต.ม.มาเลเซียขาออก ลงไปแต่ตัวและหนังสือเดินทาง สัมภาระไม่ต้อง อันดับสองผ่าน ต.ม.สิงคโปร์ อันนี้ต้องแบกสัมภาระไปให้หมด ถ้าลูกหลับก็ลำบากหน่อย ต้องอุ้มลูกและลากสัมภาระ ยืนต่อแถวยาวทีเดียว ขากลับรถติดมากๆๆ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ใครจะไปมาเลเซียแบบนั่งรถจากสิงคโปร์ไปเช้าเย็นกลับ หรือไปแบบสองคนแม่ลูก หรือพ่อลูก คิดให้ดีเลยนะคะ

พอรถทัวร์แล่นมาถึง Singapore flyer ซึ่งเป็นจุดจอดรถ WTS ก็ลง แล้วมองหาจุดขึ้นแท็กซี่ (taxi stand) ซึ่งอยู่บริเวณนั้น ไม่ลำบากเลย แค่ยืนต่อแถว และจะมีแท็กซี่มาจอดต่อแถวด้วยเหมือนกัน คืนนี้เราพักโรงแรมถูกๆ แถวถนนเกลัง ซึ่งเป็นย่าน China town ค่ะ หาของกินง่ายมาก มีหลายร้านให้เลือก

จบแล้วค่ะสำหรับการแชร์ประสบการณ์การเที่ยวเลโก้แลนด์ครั้งแรกซึ่งเที่ยวได้ไม่ครบ และเป็นการเที่ยวต่างประเทศเองครั้งแรก ชอบที่เราได้หาข้อมูลและวางแผนการเดินทางเอง อาจไม่เพอร์เฟค แต่ก็สนุก ได้ผจญภัย และพาลูกเรียนรู้โลกอันกว้างใหญ่

วันหยุดสงกรานต์ ปี 60 นี้ ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ ตั้งใจไปเที่ยวเลโก้แลนด์อย่างเดียว 2 วันเลย จะมาเล่าสู่กันฟังอีกรอบค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ