กรณีที่ 1
หากเราต้องการตัดข้อมูลด้านซ้าย โดยข้อมูลที่เราต้องการ อยู่ด้านขวา ให้ใช้สูตร MID ดังภาพคำอธิบายสูตรข้างต้น
MID(A2,6,20) หมายความว่า เราต้องการตัวอักษรของช่อง A2 โดยนับจากตรงกลาง ตำแหน่งที่ 6 เป็นจำนวน 20 ตัว
โดยที่
A2 คือ เซลล์ที่มีข้อความ
6 คือ ตำแหน่งของอักษรแรกที่เราต้องการ จากภาพ อักษรแรกที่ต้องการคือ ป.ปลา เป็นตำแหน่งที่ 6 โดยคำที่ต้องการตัดคือ "อำเภอ" มีอักษรและสระรวมกัน 5 ตัว ดังนั้น ป.ปลา จึงเป็นตัวที่ 6
20 คือ จำนวนอักษรที่เราต้องการ (นับตั้งแต่ตัว ป.ปลา) จะใช้ตัวเลขเท่าไรก็ได้ ให้เราพิจารณาจากลักษณะข้อมูลที่เรามีอยู่ อย่างเช่น ชื่ออำเภอ คงไม่ยาวมาก ใช้ 20 หรือ 30 น่าจะพอ แต่ถ้าใช้เพียง 5 ซึ่งน้อยเกินไป เราจะได้ตัวอักษรเพียง "ปางศิ"
กรณีที่ 2
หากเราต้องการตัดข้อมูลด้านขวา โดยข้อมูลที่เราต้องการ อยู่ด้านซ้าย ให้ใช้สูตร LEFT และ FIND ดังภาพคำอธิบายสูตรข้างต้น
LEFT(A1,x) หมายความว่า เราต้องการตัวอักษรของช่อง A1 โดยนับจากด้านซ้ายมาเป็นจำนวน xx ตัว
โดยที่
A1 คือ เซลล์ที่มีข้อความ
x คือตัวเลข ซึ่งในที่นี้คือจำนวนตัวอักษรและสระที่เราต้องการเอา เช่น สมใจ x=4, ดารณีนุช x=8 จะเห็นได้ว่า ค่า x จะไม่คงที่ ขึ้นกับว่าชื่อที่เราต้องการนั้นมีความยาวแค่ไหน เราจึงไม่สามารถระบุค่า x เป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ ทำไงดีล่ะ??
สูตรที่เลือกใช้ ขึ้นกับลักษณะข้อมูลต้นฉบับ สังเกตได้ว่าข้อมูลต้นฉบับเป็นระบบ คือมีเครื่องหมายคอมม่าด้านหลังชื่อ เราก็เลยสั่งให้โปรแกรม excel บอกเราว่าเครื่องหมายคอมม่าอยู่ตำแหน่งที่เท่าไร พอนับเสร็จ ให้ลบหนึ่ง ค่าที่ได้คือค่า x นั่นเอง