Saturday, November 26, 2016

วิธีสร้าง QR code และลิงก์แบบสั้น เพื่อดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร

QR code เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะใช้งานง่าย และประยุกต์ใช้ได้กับทุกวงการ ใครๆ ก็สามารถสร้าง QR code เองได้ เพราะมีเว็บไซต์ฟรีหลายเว็บไซต์ให้ใช้ ส่วนทางฝั่งผู้ใช้งานก็แค่ใช้มือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตสแกน code ก็สามารถเชื่อมโยงไปหาข้อมูลที่ต้องการได้โดยไม่ต้องพิมพ์ URL ยาวๆ (ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยนะจ๊ะ)

บทความนี้ขอยกตัวอย่างการใช้ QR code เพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เช่น เอกสารประกอบการประชุม เป็นต้น โดยเอกสารนี้เป็นไฟล์นามสกุลอะไรก็ได้ เช่น เวิร์ด เอ็กเซล PDF ฯลฯ 


สิ่งที่ต้องมี

1. แหล่งเก็บไฟล์ข้อมูลออนไลน์ เช่น Google drive, Dropbox  ที่สามารถแชร์ไฟล์ได้


วิธีการ 

1. นำเอกสารที่ต้องการให้ดาวน์โหลดไปไว้ในแหล่งเก็บไฟล์ข้อมูลออนไลน์ แล้วตั้งค่าให้ share สำหรับทุกคนที่มีลิงก์ มีขั้นตอนดังภาพ 

1.1 กรณีใช้ Google drive

คลิกขวาที่ไฟล์เอกสาร แล้วเลือก Get shareable link

จากนั้น ก๊อปปี้ลิงก์ไปใช้งานได้



พอถึงขั้นตอนนี้ เราจะได้ลิงก์ยาวๆ สำหรับดาวน์โหลดเอกสาร ใครที่คลิกหรือพิมพ์ลิงก์นี้จะสามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ทันทีและได้ทุกคน โดยไม่จำเป็นต้อง log in และไม่จำเป็นต้องมี gmail


แต่ว่า ลิงก์ยาวไปหน่อย เรามาทำให้สั้นลงกันดีกว่า แต่ยังใช้งานได้เหมือนเดิม ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น

2. ทำลิงก์ให้สั้นลง
ขั้นตอนนี้จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ถ้าไม่ทำ สามารถข้ามไปข้อ 3 ได้เลย วิธีการคือก๊อปปี้ลิงก์ยาวๆ ไป paste ที่เว็บ https://goo.gl/ ดังภาพ 

เมื่อ paste เสร็จแล้ว ให้คลิกปุ่ม Shorten URL

ถึงขั้นตอนนี้ เราจะได้ลิงก์แบบสั้น ที่ใช้งานได้เหมือนลิงก์แบบยาว ให้คลิกที่ปุ่มสี่เหลี่ยมซ้อนกันเพื่อก๊อปปี้ลิงก์นี้สำหรับนำไปใช้งาน จากนั้น คลิกปุ่ม Done


3. สร้าง QR code
ปัจจุบัน มีหลายเว็บที่ให้บริการสร้าง QR code ฟรี เราสามารถเลือกใช้งานได้ตามสะดวก ถ้าจะ search จาก Google ให้ใช้คำว่า "qr code generator" ในที่นี้ ขอยกตัวอย่างเว็บ http://www.qrstuff.com มีขั้นตอนดังภาพ

ขั้นตอนที่ 1 Data type - เลือก Website URL
ขั้นตอนที่ 2 Content - paste ลิงก์ในช่อง Website URL จากนั้น รูป QR code ด้านขวามือจะ update เองโดยอัตโนมัติ
ขั้นตอนที่ 3 คลิกปุ่ม Download QR code
ไฟล์ภาพจะถูกดาวน์โหลดมาไว้ที่เครื่องเรา จากนั้น เราก๊อปปี้ไฟล์ภาพนี้ไปใช้งานได้ตามอัธยาศัย  
 

ตัวอย่างการนำ QR code และลิงก์แบบสั้นไปใช้สำหรับให้ผู้เข้าประชุมสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการประชุม




คำแนะนำ
1. ขนาด QR code ที่เหมาะสมคือ 1 x 1 นิ้ว หรือ 2.5 x 2.5 ซม.
2. ควรจัดวางตำแหน่ง QR code ให้ห่างกัน เพราะหากวาง QR code ชิดกันเกินไป เช่น เรียงกันเป็นแถว จะทำให้การสแกน code ที่ต้องการยากมากๆ กล่าวคือ มือถือ/แท็บเล็ต จะมองเห็นหลาย code และอาจไม่ยอมสแกน code ที่เราต้องการ
3. หลังจากได้ QR code มาแล้ว อย่าลืมทดสอบว่าใช้งานได้จริงหรือไม่ โดยควรทดสอบกับมือถือ 2-3 เครื่อง








Saturday, November 19, 2016

วิธีตัดคำในโปรแกรมเอ็กเซลอย่างเป็นระบบ

เรานิยมบันทึกตารางข้อมูลโดยใช้โปรแกรมเอ็กเซล หากเรามีความจำเป็นต้องตัดข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีวิธีการใช้สูตรง่ายๆ โดยไม่ต้องกดปุ่ม delete ไปทีละช่อง


กรณีที่ 1

หากเราต้องการตัดข้อมูลด้านซ้าย โดยข้อมูลที่เราต้องการ อยู่ด้านขวา ให้ใช้สูตร MID ดังภาพ


คำอธิบายสูตรข้างต้น
MID(A2,6,20) หมายความว่า เราต้องการตัวอักษรของช่อง A2 โดยนับจากตรงกลาง ตำแหน่งที่ 6 เป็นจำนวน 20 ตัว
โดยที่
A2 คือ เซลล์ที่มีข้อความ
6 คือ ตำแหน่งของอักษรแรกที่เราต้องการ จากภาพ อักษรแรกที่ต้องการคือ ป.ปลา เป็นตำแหน่งที่ 6 โดยคำที่ต้องการตัดคือ "อำเภอ" มีอักษรและสระรวมกัน 5 ตัว ดังนั้น ป.ปลา จึงเป็นตัวที่ 6
20 คือ จำนวนอักษรที่เราต้องการ (นับตั้งแต่ตัว ป.ปลา) จะใช้ตัวเลขเท่าไรก็ได้ ให้เราพิจารณาจากลักษณะข้อมูลที่เรามีอยู่ อย่างเช่น ชื่ออำเภอ คงไม่ยาวมาก ใช้ 20 หรือ 30 น่าจะพอ แต่ถ้าใช้เพียง 5 ซึ่งน้อยเกินไป เราจะได้ตัวอักษรเพียง "ปางศิ"


กรณีที่ 2

หากเราต้องการตัดข้อมูลด้านขวา โดยข้อมูลที่เราต้องการ อยู่ด้านซ้าย ให้ใช้สูตร LEFT และ FIND ดังภาพ














คำอธิบายสูตรข้างต้น
LEFT(A1,x) หมายความว่า เราต้องการตัวอักษรของช่อง A1 โดยนับจากด้านซ้ายมาเป็นจำนวน xx ตัว
โดยที่
A1 คือ เซลล์ที่มีข้อความ
x คือตัวเลข ซึ่งในที่นี้คือจำนวนตัวอักษรและสระที่เราต้องการเอา เช่น สมใจ x=4, ดารณีนุช x=8 จะเห็นได้ว่า ค่า x จะไม่คงที่ ขึ้นกับว่าชื่อที่เราต้องการนั้นมีความยาวแค่ไหน เราจึงไม่สามารถระบุค่า x เป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ ทำไงดีล่ะ??

สูตรที่เลือกใช้ ขึ้นกับลักษณะข้อมูลต้นฉบับ สังเกตได้ว่าข้อมูลต้นฉบับเป็นระบบ คือมีเครื่องหมายคอมม่าด้านหลังชื่อ เราก็เลยสั่งให้โปรแกรม excel บอกเราว่าเครื่องหมายคอมม่าอยู่ตำแหน่งที่เท่าไร พอนับเสร็จ ให้ลบหนึ่ง ค่าที่ได้คือค่า x นั่นเอง


กรณีที่ 3

หากเราต้องการตัดข้อมูลเป็นสองส่วน แล้วแยกช่อง เช่น ข้อมูลต้นฉบับมีทั้งชื่อและคำนำหน้า แต่เราต้องการแยกเป็นช่องสำหรับชื่อ และช่องสำหรับคำนำหน้า ใช้สูตร MID, FIND, LEFT ดังภาพ







วิธีแปลงอักษรภาษาอังกฤษจากตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวพิมพ์เล็ก หรือจากตัวพิมพ์เล็กเป็นตัวพิมพ์ใหญ่

หลายคนประสบปัญหาในการทำงาน ที่ต้องรวมข้อมูลจากหลายแผนก ซึ่งมีวิธีการพิมพ์อักษรภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน บางคนพิมพ์ตัวพิมพ์เล็ก บางคนพิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่ ครั้นจะพิมพ์ใหม่ ก็เสียเวลา และอาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้

วิธีแปลงอักษรภาษาอังกฤษจากตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวพิมพ์เล็ก หรือจากตัวพิมพ์เล็กเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ สามารถทำได้ง๊าย ง่าย และทำได้ทั้งในเวิร์ดและเอ็กเซลค่ะ


โปรแกรมเวิร์ด

1. ไฮไลท์ข้อความที่ต้องการ
2. คลิกที่ปุ่มคำสั่ง 'Aa' (ปุ่มนี้มีชื่อว่า Change case) พอคลิกแล้วจะมีเมนูให้เลือก

  • ถ้าเราจะเปลี่ยนจากตัวพิมพ์เล็กเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ให้เลือก UPPERCASE
  • ถ้าเราจะเปลี่ยนจากตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวพิมพ์เล็ก ให้เลือก lower case
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ง๊าย ง่าย





โปรแกรมเอ็กเซล

1. สมมติว่าข้อความที่ต้องการแปลง อยู่ในช่อง a2
2. คลิกที่ช่องอื่น ที่ต้องการให้ปรากฎข้อความที่แปลงแล้ว สมมติว่าเป็นช่อง b2
3. ที่ช่อง b2 พิมพ์สูตร =upper(a2) แล้วคลิกปุ่ม Enter
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถแปลงตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ได้แล้ว



4. ในทางกลับกัน หากเราต้องการแปลงตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวพิมพ์เล็ก ให้ใช้สูตร =lower() แทน โดยค่าที่ใส่ในวงเล็บคือเซลล์ที่ต้องการแปลงค่า
 
สำหรับโปรแกรมเอ็กเซล หากเราต้องการลบข้อความแรกออก (ในที่นี้คือข้อความในช่อง a2) โดยการต้องการให้เหลือเพียงข้อความที่แปลง ให้ copy ค่าในช่อง b2 แล้ว paste value ลงไปที่เดิม เพื่อให้สิ่งที่อยู่ใน b2 เป็นข้อความที่เราต้องการ ไม่ใช่สูตรคำนวณ จากนั้น จึงจะลบข้อความแรก (a2) ออกไปได้



พาเด็กเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย (Legoland - Thomas town - Kitty town) ตอนที่ 3

ตอนที่ 3 เป็นการเที่ยว legoland ค่ะ แผนการเที่ยววันนี้คือ เช็คเอ้าท์จากโรงแรมที่ Johor Bahru ตอนเช้า แบกกระเป๋าไป legoland (ค้นข้อมูลก่อนมา ก็เลยรู้ว่าที่ legoland มีที่ฝากกระเป๋า) พอเที่ยวเสร็จก็กลับสิงคโปร์โดยรถทัวร์ของ WTS ค่ะ

สำหรับตอนที่ 3 นี้ จะเริ่มเล่าตั้งแต่เช็คอินโรงแรมเลยค่ะ คือหลังจากเล่นที่ Thomas town เสร็จเวลาประมาณหกโมงเย็น ก็นั่งแท็กซี่พร้อมสัมภาระไปโรงแรม  Nusa CT บริเวณที่โรงแรมตั้งอยู่ มีแต่ตึกแถว บรรยากาศชนบท มีสนามฟุตบอลใกล้ๆโรงแรม มีร้านอาหารตามสั่ง 1 ร้านติดกับโรงแรมเลย


ถ้ายืนหน้าโรงแรม จะเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ค่ะ มีสนามฟุตบอลหน้าโรงแรม

ที่เคาน์เตอร์เช็คอินดูเรียบร้อยดี ได้พักชั้น 2 มีลิฟท์ให้ขึ้น เราจองห้องพักแบบเตียงเล็ก 1 เตียง (สำหรับแม่) และเตียงใหญ่ 1 เตียง (สำหรับเราและลูก) พอเอาสัมภาระเก็บในห้องเสร็จ ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมค่ะ ลักษณะเหมือนร้านอาหารตามสั่งแถวต่างจังหวัดบ้านเรา คือบรรยากาศง่ายๆ ชาวบ้านๆ มีเมนูให้เลือก มีอาหารหลากหลาย แต่จำนวนรายการไม่เยอะ มีต้มยำด้วยค่ะ !! สรุปว่าสั่งต้มยำ ไข่เจียว (สำหรับลูก) ไก่ทอด และข้าวเปล่า (ร้านเค้าติดป้ายรูปภาพไก่ทอดหลายรูป ก็เลยเดาว่าไก่ทอดคงเป็นเมนูขายดีของร้านนี้ สั่งมาก็ไม่ผิดหวังค่ะ) รสชาติอาหารโดยรวมก็ใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ก็ไม่แย่ กินหมดเกลี้ยงทุกอย่าง เพราะเน้นสั่งอาหารพื้นๆ ไว้ก่อน ราคาทั้งหมดประมาณ 300 กว่าบาท

อาหารเช้าที่โรงแรม เป็นบุฟเฟ่ต์ง่ายๆ  รสชาติใช้ได้ ไม่ใช่ว่าอะไรๆ ก็มีแต่เครื่องเทศเหมือนอย่างที่กลัว เช็คเอ้าท์ และบอกโรงแรมให้เรียกแท็กซี่ให้ ข้อสรุปเรื่องโรงแรมคือคราวหน้าจะไม่มาที่นี่อีก เพราะ 1) บริเวณรอบๆโรงแรมไม่มีอะไรเลย 2) บังเอิญว่าคืนที่ไปพักมีไฟดับ ทำให้ร้อน และมีเสียงดังทั้งคืน ไม่ประทับใจ 3) ที่ Johor Barhu มีโรงแรมราคาไม่แพง ทำเลดีให้เลือกหลายที่

ระยะทางจากโรงแรม Nusa CT ไป legoland ไม่ไกล ประมาณ 7 กม. ราคาตามมิเตอร์ประมาณสี่ร้อยบาท ถนนโล่งมาก รถไม่ติด เพราะแถวนั้นคล้ายถนนระหว่างจังหวัดบ้านเรา ถนนเส้นใหญ่ รถน้อย มีป้ายบอกทางชัดเจน

พอมาถึง legoland อย่างแรกคือสำรวจหาจุดจอดรถของ WTS ก่อนเลย เพราะต้องกลับสิงคโปร์ด้วยรถบริษัทนี้ ถ้าตกรถ จะลำบาก สรุปว่าจุดจอดรถอยู่บริเวณที่จอดรถของ legoland ถ้าเราเดินออกจาก legoland ก็เลี้ยวซ้าย จะมีทางเดินประมาณ 500 เมตร จะเจอจุดรับส่งผู้โดยสาร อยู่ติดกับลานจอดรถที่กว้างมาก  พอรู้จุดขึ้นรถก็สบายใจแล้ว เข้าไปเที่ยวได้

อย่างแรกเลย ต้องฝากกระเป๋าก่อน ซึ่งตู้ฝากกระเป๋าจะมี 2 จุด คือด้านนอกกับด้านใน สำหรับด้านในต้องผ่านประตูเข้าไปก่อน แล้วจะเห็นจุดฝากกระเป๋าอยู่ด้านขวามือ มีป้าย "LOCKER" อยู่ติดกับ Mini Market ระบบการฝากกระเป๋าไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ เพราะใช้ระบบอัตโนมัติ คือจะมีเครื่องที่หน้าตาเหมือนเครื่อง ATM ให้เราจิ้มที่หน้าจอเพื่อเลือกว่าจะใช้ตู้ใหญ่หรือตู้เล็ก จากนั้นกรอก password 2 ชั้น เป็น วันเดือนปีเกิด และสีที่ชอบ จากนั้นสอดธนบัตรตามราคาที่เครื่องแจ้ง เสร็จแล้วเครื่องจะบอกว่าเราได้ตู้เบอร์อะไร พร้อมปลดล็อคตู้ของเราให้อัตโนมัติ  เราเลือกตู้ขนาดใหญ่และฝากทั้งวัน ราคา 40 RM เพราะมีกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 2 ใบ ใส่ได้พอดีเลย

จากรูป จุดฝากกระเป๋าอยู่ซ้ายสุด ป้ายเล็กนิดนึง


อัตราค่าฝากกระเป๋า ตู้เล็ก 3 ชม = 10 RM, ตู้เล็กทั้งวัน = 20 RM, ตู้ใหญ่ 3 ชม.= 20 RM, ตู้ใหญ่ทั้งวัน = 40 RM


ตู้สีแดงที่เห็นคือตู้ที่เหมือน ATM มีไว้เพื่อให้เราเช่าล็อคเกอร์ด้วยตนเอง และควบคุมการเปิดปิดของล็อคเกอร์





ติดกับ Mini market มีรถเข็นให้เช่า มีหลายขนาดให้เลือก จัดไป 1 คันเลยค่ะ เอาไว้ให้ลูกนั่งและใส่สัมภาระของเราด้วย

ด้านใน legoland กว้างมาก มี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ สวนน้ำ และสวนสนุก ซึ่งซื้อตั๋วแยกกัน ครั้งนี้ไม่ได้เล่นสวนน้ำ ซื้อตั๋วสวนสนุกอย่างเดียว ภายในสวนสนุก ไม่ค่อยมีร่มเงา อากาศค่อนข้างร้อน สมควรพกร่ม หมวก พัด ทาครีมกันแดด ฯลฯ ถ้าใครต้องการมาเลโก้แลนด์เพื่อเล่นหรือเยี่ยมชมให้ครบทุกอย่าง วันเดียวอาจไม่พอนะคะ อย่างที่เรามาครั้งนี้ 1 วัน ยังเดินในสวนสนุกได้แค่ครึ่งเดียวเอง 










เมืองจำลองสร้างจากตัวต่อเลโก้ บางอัน มีการเคลื่อนไหวได้ด้วย เช่น รถบรรทุกแล่นได้/เลี้ยวได้ รถไฟฟ้าแล่นได้ แล่นไปทั่วเมืองจำลองเลย พอถึงสถานีก็หยุดแป๊บนึง มีลอดอุโมงค์ อันนี้ลูกชายชอบมาก











ล่องแก่ง


น้ำพุดนตรี พอเรายืนหน้าเครื่องดนตรี มันจะมีเสียงดนตรีชนิดนั้น


ตัวเลโก้คนที่นั่งบนไดโนเสาร์ จะฉีดน้ำใส่คนที่เดินผ่าน ถ้าไม่มีคนผ่าน จะไม่ฉีด











พอถึงใกล้เวลาที่จองรถกลับสิงคโปร์ ก็ไปยืนที่จุดจอดรถของเลโก้แลนด์ จะมีเจ้าหน้าที่ WTS เช็คว่าผู้โดยสารคนไหนมาแล้ว คนไหนยังไม่มา พอถึงเวลา รถก็มา เราก็ขึ้นรถ นั่งตรงไหนก็ได้ เพราะไม่มีการระบุหมายเลขที่นั่ง เจ้าหน้าที่จะอธิบายว่าเราต้องทำอย่างไรบ้าง อันดับแรกเราต้องผ่าน ต.ม.มาเลเซียขาออก ลงไปแต่ตัวและหนังสือเดินทาง สัมภาระไม่ต้อง อันดับสองผ่าน ต.ม.สิงคโปร์ อันนี้ต้องแบกสัมภาระไปให้หมด ถ้าลูกหลับก็ลำบากหน่อย ต้องอุ้มลูกและลากสัมภาระ ยืนต่อแถวยาวทีเดียว ขากลับรถติดมากๆๆ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ใครจะไปมาเลเซียแบบนั่งรถจากสิงคโปร์ไปเช้าเย็นกลับ หรือไปแบบสองคนแม่ลูก หรือพ่อลูก คิดให้ดีเลยนะคะ

พอรถทัวร์แล่นมาถึง Singapore flyer ซึ่งเป็นจุดจอดรถ WTS ก็ลง แล้วมองหาจุดขึ้นแท็กซี่ (taxi stand) ซึ่งอยู่บริเวณนั้น ไม่ลำบากเลย แค่ยืนต่อแถว และจะมีแท็กซี่มาจอดต่อแถวด้วยเหมือนกัน คืนนี้เราพักโรงแรมถูกๆ แถวถนนเกลัง ซึ่งเป็นย่าน China town ค่ะ หาของกินง่ายมาก มีหลายร้านให้เลือก

จบแล้วค่ะสำหรับการแชร์ประสบการณ์การเที่ยวเลโก้แลนด์ครั้งแรกซึ่งเที่ยวได้ไม่ครบ และเป็นการเที่ยวต่างประเทศเองครั้งแรก ชอบที่เราได้หาข้อมูลและวางแผนการเดินทางเอง อาจไม่เพอร์เฟค แต่ก็สนุก ได้ผจญภัย และพาลูกเรียนรู้โลกอันกว้างใหญ่

วันหยุดสงกรานต์ ปี 60 นี้ ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ ตั้งใจไปเที่ยวเลโก้แลนด์อย่างเดียว 2 วันเลย จะมาเล่าสู่กันฟังอีกรอบค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ



Saturday, October 1, 2016

พาเด็กเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย (Legoland - Thomas town - Kitty town) ตอนที่ 2

มาเลเซีย

สำหรับตอนที่ 2 นี้เป็นการเที่ยวมาเลเซีย ได้แก่ Legoland, Thomas town และ Kitty town เดินทางด้วยการนั่งรถทัวร์จากสิงคโปร์ไปมาเลเซีย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ถ้ารถไม่ติดนะ แต่ถ้าเป็นตอนเย็น ช่วงเลิกงาน อาจรถติดยาวจนไม่สามารถบอกได้ว่าใช้เวลาเท่าไร สำหรับการนั่งรถทัวร์ครั้งนี้ใช้บริการ WTS travel (http://wtstravel.com.sg/) โดยจองผ่านเว็บ ราคาคนละ 12-13 เหรียญสิงคโปร์ต่อหนึ่งเที่ยว (ไม่แน่ใจว่าราคาขึ้นกับอะไร แต่เห็นมี 2 ราคา) ดังนั้น ไปกลับก็ 24-26 เหรียญสิงคโปร์ ราคาเด็กและผู้ใหญ่เท่ากัน

การจองผ่านเว็บ สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางแบบไป-กลับ หรือเดินทางแบบเที่ยวเดียว จะซื้อตั๋ว Legoland หรือ Thomas town หรือ Kitty town ผ่านเว็บเค้าด้วยก็ได้ จะมีช่องให้ทำเครื่องหมาย โดยจุดขึ้นรถอยู่ที่ Singapore Flyer พอเราไปถึง WTS travel office ก็เอาเอกสารการจองที่พริ้นจากเมืองไทยพร้อมกับ passport ส่งให้เค้าๆ ก็จะให้ตั๋วเรามา หน้าตาของตั๋วก็คือซองจดหมายที่ระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น วันที่และเวลาของการเดินทางไป วันที่และเวลาของการเดินทางกลับ จำนวนที่นั่งที่จอง จุดหมายปลายทาง พร้อมกับสติ๊กเกอร์กลมๆ สำหรับแปะเสื้อ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ได้ซื้อตั๋วไปกลับจาก Singapore flyer - Legoland 



ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง เราต้องลงรถ 2 ครั้งเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้า/ออกเมือง ครั้งที่ 1 เมื่อรถกำลังจะออกนอกเขตสิงคโปร์ เราต้องลงรถเพื่อผ่านด่าน "ตม.สิงคโปร์ขาออก" เราก็ลงรถพร้อมกับพาสปอร์ตและ immigration card ส่วนที่ 2 (มันคือ immigration card ที่เราเขียนตอนนั่งเครื่องมาสิงคโปร์ โดยส่วนที่ 1 จะเป็นใบยาวๆ ที่มีรายละเอียดเยอะหน่อย (จากรูปก็คือ 2 คอลัมน์ซ้าย) ส่วนนี้เจ้าหน้าที่ ตม. ได้เก็บไปแล้วตอนเราเข้าประเทศสิงคโปร์ ส่วนที่ 2 จะมีรายละเอียดน้อยกว่า เป็นใบสั้นๆ (จากรูปก็คือคอลัมน์ขวาสุด) แล้วไปยืนเข้าแถวให้เจ้าหน้าที่ตรวจและสแกนลายนิ้วมือ 



พอตรวจเสร็จก็ขึ้นรถไปนั่งที่เดิม ซึ่งเราต้องจำหมายเลขรถไว้ ไม่งั้นอาจหารถไม่เจอ พอนั่งไปอีกไม่นานเท่าไรก็เข้าเขตประเทศมาเลเซีย คราวนี้ห้ามทิ้งอะไรไว้ในรถ จะต้องขนกระเป๋าทั้งหมดลงรถเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย พอตรวจเสร็จก็ขนกระเป๋าขึ้นรถ นั่งที่เดิม รถก็จะแล่นไปยังจุดจอดที่ 1 ได้แก่ Puteri Harbour เราสามารถลงรถที่นี่ได้หากต้องการเที่ยว Thomas town หรือ Kitty town จากนั้น รถจะแล่นต่อไปยัง Legoland ซึ่งเป็นจุดจอดที่ 2


Thomas town และ Kitty town

แผนการเที่ยวครั้งนี้คือลงรถที่ Puteri Harbour พร้อมกับสัมภาระเพื่อเที่ยวที่นี่ก่อน เสร็จแล้วค่อยนั่ง taxi ไปโรงแรม Nusa CT สำหรับตั๋วสามารถจองตั่วผ่านเว็บได้ (http://www.puteriharbour.com/) หรือจะมาซื้อที่เคาน์เตอร์ก็ได้ ครั้งนี้ได้จองตั๋วผ่านเว็บ 

นี่คือทางเข้าเคาน์เตอร์ฯ ค่ะ ตรงที่เป็นสีเหลือง มีธงเยอะๆ ติดกับ Red Bow Cafe (ตอนแรกหาไม่เจอ เพราะไม่เห็นมีป้าย ก็เลยถามคนแถวๆนั้น)
 


เคาน์เตอร์ค่ะ


ที่นี่มีตู้ฝากกระเป๋า 2 ขนาด ไซส์เล็ก กับไซส์ใหญ่ สะดวกดีค่ะ ตู้ใหญ่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 2 ใบเลยค่ะ ช่องสีขาวตรงกลางเป็นตู้จ่ายเงินและควบคุมการปิดเปิดตู้อัตโนมัติ หน้าตาคล้ายตู้ ATM มีจอสัมผัส มีช่องใส่เงิน วิธีใช้ก็ง่ายมากเลย โดยจิ้มที่หน้าจอว่าต้องการฝากกระเป๋าไซส์เล็ก หรือใหญ่ จากนั้นเครื่องจะให้ใส่รหัสผ่าน 2 ระดับ ระดับแรกให้ใส่วันเดือนปีเกิด ระดับที่สองให้เลือกสีที่ชอบ แล้วก็จ่ายเงินที่ตู้ได้เลย (ค่าฝากกระเป๋า 10 RM สำหรับตู้เล็ก และ 20 RM สำหรับตู้ใหญ่ ฝากได้ทั้งวัน) จากนั้น เครื่องจะบอกเราว่าตู้ของเราเป็นหมายเลขอะไร แล้วจัดการเปิดล็อคตู้ให้เสร็จสรรพ เจ๋งจริงๆ



ตั๋วที่ซื้อเป็นแบบ All pass ราคา 125 RM เข้าได้ทุกชั้น คือ ชั้นสอง (Kitty town) ชั้นสาม (Bob, Pingu, Barney และ Angelina) ชั้นสี่ ( Thomas town) แต่ถ้าอยากเข้า Kitty town แต่ไม่เข้า Thomas town ก็ซื้อตั๋ว Kitty อย่างเดียว ราคา 85 RM ซึ่งจะเข้าได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้น Thomas  แต่ถ้าอยากเข้า Thomas แต่ไม่เข้า Kitty ก็ซื้อตั๋ว Thomas อย่างเดียวราคา 85 RM ซึ่งจะเข้าได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้น Kitty ค่ะ ถ้าต้องการเล่นทุกชั้น ควรมีเวลา 1 วันค่ะ เวลาเปิดคือ 10.00 - 18.00 น. 



สำหรับชั้นล่างสุดเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีทั้งของเล่น เสื้อ เครื่องเขียน พวงกุญแจ กระเป๋า ฯลฯ และร้านเบเกอรี่ Red Bow Cafe ขนมหน้าตาดีมาก เป็น Kitty หมดเลย แต่รสชาตไม่ถูกปากเลย แข็ง กระด้าง ยังไงชอบกล
  

ถามว่าที่นี่มีอะไรบ้าง? ทุกชั้นจะมีเครื่องเล่น ของเล่น สนามเด็กเล่น ซึ่งเราม่ต้องเสียเงินค่าเล่นอีก สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทั้งหมด (มีไม่กี่อย่าง) กี่รอบก็ได้ เล่นคนเดียวก็เปิดเครื่องให้ และมีการแสดงตามเวลาที่กำหนด (ประมาณชั่วโมงละ 1 การแสดง) และมีคนใส่ชุดตัวการ์ตูน เช่น Pingu, Bob, Barney มาถ่ายรูปกับเด็กตามเวลาที่กำหนด โดยจะมีช่างถ่ายรูปมาถ่ายให้ แล้วเค้าจะให้ตั๋วหมายเลขรูป ให้เราไปซื้อรูปที่เค้าถ่ายให้ ซึ่งแพงพอสมควร รูปละประมาณ 300 บาท !!!!

เราสามารถเดินไปมาระหว่างชั้นได้ตามสบาย มีทั้งบันไดเลื่อนและลิฟท์ ด้านในมีอาหารขายค่ะ ตอนที่ไป ร้านอาหารจะเปิดชั้นเดียวที่ชั้นสี่ มีอาหารจานหลักให้เลือกไม่กี่อย่าง รสชาตกลางๆ พอกินได้

มาดูบรรยากาศกันเลย เริ่มที่ชั้นสอง Kitty town ทุกอย่างเป็นสีชมพู มีบ้าน Kitty ซึ่งด้านในมีห้องต่างๆ มากมาย มีเครื่องเล่นแก้วหมุน มีห้องทำขนมที่เด็กๆ สามารถเข้าไปลองทำได้ แต่ที่ลูกชายชอบคือสนามเด็กเล่นซึ่งมีลูกบอลโฟมสำหรับเอาใส่เครื่อง แล้วเครื่องจะดูดลูกบอลไปตามท่อ แล้วพ่นออกมาที่ปลายท่ออีกด้านนึง





ชั้นสาม มี Bob, Pingu, Barney และ Angelina ชั้นนี้มีเวทีสำหรับการแสดงด้วย 

  

  

  
  

 


มาถึงชั้นสี่ Thomas town ซึ่งเป็นชั้นที่ลูกชายชอบมากที่สุด เล่นนานที่สุด มีรถไฟโทมัสให้นั่ง มีเครื่องเล่นเฮลิคอปเตอร์ จุดที่เล่นนานที่สุดคือเขาวงกตโทมัส (อันนี้ตั้งชื่อเองค่ะ เพราะมันเป็นทาง สไลเดอร์ และท่อให้เด็กๆ ไต่ไปเรื่อยๆ ซึ่งมีความซับซ้อน แบบว่าอยากเข้าไปในรถไฟเจมส์สีแดง หรืออยากเข้าไปเครื่องบิน ที่เห็นๆ อยู่ แต่หาทางไปไม่ได้สักที)
























หลังจากที่เล่นเสร็จแล้ว มีแท็กซี่สแตนบาย เราสามารถเดินทางไปโรงแรมได้สะดวก ราคาตามมิเตอร์