Saturday, October 1, 2016

พาเด็กเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย (Legoland - Thomas town - Kitty town) ตอนที่ 2

มาเลเซีย

สำหรับตอนที่ 2 นี้เป็นการเที่ยวมาเลเซีย ได้แก่ Legoland, Thomas town และ Kitty town เดินทางด้วยการนั่งรถทัวร์จากสิงคโปร์ไปมาเลเซีย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ถ้ารถไม่ติดนะ แต่ถ้าเป็นตอนเย็น ช่วงเลิกงาน อาจรถติดยาวจนไม่สามารถบอกได้ว่าใช้เวลาเท่าไร สำหรับการนั่งรถทัวร์ครั้งนี้ใช้บริการ WTS travel (http://wtstravel.com.sg/) โดยจองผ่านเว็บ ราคาคนละ 12-13 เหรียญสิงคโปร์ต่อหนึ่งเที่ยว (ไม่แน่ใจว่าราคาขึ้นกับอะไร แต่เห็นมี 2 ราคา) ดังนั้น ไปกลับก็ 24-26 เหรียญสิงคโปร์ ราคาเด็กและผู้ใหญ่เท่ากัน

การจองผ่านเว็บ สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางแบบไป-กลับ หรือเดินทางแบบเที่ยวเดียว จะซื้อตั๋ว Legoland หรือ Thomas town หรือ Kitty town ผ่านเว็บเค้าด้วยก็ได้ จะมีช่องให้ทำเครื่องหมาย โดยจุดขึ้นรถอยู่ที่ Singapore Flyer พอเราไปถึง WTS travel office ก็เอาเอกสารการจองที่พริ้นจากเมืองไทยพร้อมกับ passport ส่งให้เค้าๆ ก็จะให้ตั๋วเรามา หน้าตาของตั๋วก็คือซองจดหมายที่ระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น วันที่และเวลาของการเดินทางไป วันที่และเวลาของการเดินทางกลับ จำนวนที่นั่งที่จอง จุดหมายปลายทาง พร้อมกับสติ๊กเกอร์กลมๆ สำหรับแปะเสื้อ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ได้ซื้อตั๋วไปกลับจาก Singapore flyer - Legoland 



ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง เราต้องลงรถ 2 ครั้งเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้า/ออกเมือง ครั้งที่ 1 เมื่อรถกำลังจะออกนอกเขตสิงคโปร์ เราต้องลงรถเพื่อผ่านด่าน "ตม.สิงคโปร์ขาออก" เราก็ลงรถพร้อมกับพาสปอร์ตและ immigration card ส่วนที่ 2 (มันคือ immigration card ที่เราเขียนตอนนั่งเครื่องมาสิงคโปร์ โดยส่วนที่ 1 จะเป็นใบยาวๆ ที่มีรายละเอียดเยอะหน่อย (จากรูปก็คือ 2 คอลัมน์ซ้าย) ส่วนนี้เจ้าหน้าที่ ตม. ได้เก็บไปแล้วตอนเราเข้าประเทศสิงคโปร์ ส่วนที่ 2 จะมีรายละเอียดน้อยกว่า เป็นใบสั้นๆ (จากรูปก็คือคอลัมน์ขวาสุด) แล้วไปยืนเข้าแถวให้เจ้าหน้าที่ตรวจและสแกนลายนิ้วมือ 



พอตรวจเสร็จก็ขึ้นรถไปนั่งที่เดิม ซึ่งเราต้องจำหมายเลขรถไว้ ไม่งั้นอาจหารถไม่เจอ พอนั่งไปอีกไม่นานเท่าไรก็เข้าเขตประเทศมาเลเซีย คราวนี้ห้ามทิ้งอะไรไว้ในรถ จะต้องขนกระเป๋าทั้งหมดลงรถเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย พอตรวจเสร็จก็ขนกระเป๋าขึ้นรถ นั่งที่เดิม รถก็จะแล่นไปยังจุดจอดที่ 1 ได้แก่ Puteri Harbour เราสามารถลงรถที่นี่ได้หากต้องการเที่ยว Thomas town หรือ Kitty town จากนั้น รถจะแล่นต่อไปยัง Legoland ซึ่งเป็นจุดจอดที่ 2


Thomas town และ Kitty town

แผนการเที่ยวครั้งนี้คือลงรถที่ Puteri Harbour พร้อมกับสัมภาระเพื่อเที่ยวที่นี่ก่อน เสร็จแล้วค่อยนั่ง taxi ไปโรงแรม Nusa CT สำหรับตั๋วสามารถจองตั่วผ่านเว็บได้ (http://www.puteriharbour.com/) หรือจะมาซื้อที่เคาน์เตอร์ก็ได้ ครั้งนี้ได้จองตั๋วผ่านเว็บ 

นี่คือทางเข้าเคาน์เตอร์ฯ ค่ะ ตรงที่เป็นสีเหลือง มีธงเยอะๆ ติดกับ Red Bow Cafe (ตอนแรกหาไม่เจอ เพราะไม่เห็นมีป้าย ก็เลยถามคนแถวๆนั้น)
 


เคาน์เตอร์ค่ะ


ที่นี่มีตู้ฝากกระเป๋า 2 ขนาด ไซส์เล็ก กับไซส์ใหญ่ สะดวกดีค่ะ ตู้ใหญ่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 2 ใบเลยค่ะ ช่องสีขาวตรงกลางเป็นตู้จ่ายเงินและควบคุมการปิดเปิดตู้อัตโนมัติ หน้าตาคล้ายตู้ ATM มีจอสัมผัส มีช่องใส่เงิน วิธีใช้ก็ง่ายมากเลย โดยจิ้มที่หน้าจอว่าต้องการฝากกระเป๋าไซส์เล็ก หรือใหญ่ จากนั้นเครื่องจะให้ใส่รหัสผ่าน 2 ระดับ ระดับแรกให้ใส่วันเดือนปีเกิด ระดับที่สองให้เลือกสีที่ชอบ แล้วก็จ่ายเงินที่ตู้ได้เลย (ค่าฝากกระเป๋า 10 RM สำหรับตู้เล็ก และ 20 RM สำหรับตู้ใหญ่ ฝากได้ทั้งวัน) จากนั้น เครื่องจะบอกเราว่าตู้ของเราเป็นหมายเลขอะไร แล้วจัดการเปิดล็อคตู้ให้เสร็จสรรพ เจ๋งจริงๆ



ตั๋วที่ซื้อเป็นแบบ All pass ราคา 125 RM เข้าได้ทุกชั้น คือ ชั้นสอง (Kitty town) ชั้นสาม (Bob, Pingu, Barney และ Angelina) ชั้นสี่ ( Thomas town) แต่ถ้าอยากเข้า Kitty town แต่ไม่เข้า Thomas town ก็ซื้อตั๋ว Kitty อย่างเดียว ราคา 85 RM ซึ่งจะเข้าได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้น Thomas  แต่ถ้าอยากเข้า Thomas แต่ไม่เข้า Kitty ก็ซื้อตั๋ว Thomas อย่างเดียวราคา 85 RM ซึ่งจะเข้าได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้น Kitty ค่ะ ถ้าต้องการเล่นทุกชั้น ควรมีเวลา 1 วันค่ะ เวลาเปิดคือ 10.00 - 18.00 น. 



สำหรับชั้นล่างสุดเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีทั้งของเล่น เสื้อ เครื่องเขียน พวงกุญแจ กระเป๋า ฯลฯ และร้านเบเกอรี่ Red Bow Cafe ขนมหน้าตาดีมาก เป็น Kitty หมดเลย แต่รสชาตไม่ถูกปากเลย แข็ง กระด้าง ยังไงชอบกล
  

ถามว่าที่นี่มีอะไรบ้าง? ทุกชั้นจะมีเครื่องเล่น ของเล่น สนามเด็กเล่น ซึ่งเราม่ต้องเสียเงินค่าเล่นอีก สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทั้งหมด (มีไม่กี่อย่าง) กี่รอบก็ได้ เล่นคนเดียวก็เปิดเครื่องให้ และมีการแสดงตามเวลาที่กำหนด (ประมาณชั่วโมงละ 1 การแสดง) และมีคนใส่ชุดตัวการ์ตูน เช่น Pingu, Bob, Barney มาถ่ายรูปกับเด็กตามเวลาที่กำหนด โดยจะมีช่างถ่ายรูปมาถ่ายให้ แล้วเค้าจะให้ตั๋วหมายเลขรูป ให้เราไปซื้อรูปที่เค้าถ่ายให้ ซึ่งแพงพอสมควร รูปละประมาณ 300 บาท !!!!

เราสามารถเดินไปมาระหว่างชั้นได้ตามสบาย มีทั้งบันไดเลื่อนและลิฟท์ ด้านในมีอาหารขายค่ะ ตอนที่ไป ร้านอาหารจะเปิดชั้นเดียวที่ชั้นสี่ มีอาหารจานหลักให้เลือกไม่กี่อย่าง รสชาตกลางๆ พอกินได้

มาดูบรรยากาศกันเลย เริ่มที่ชั้นสอง Kitty town ทุกอย่างเป็นสีชมพู มีบ้าน Kitty ซึ่งด้านในมีห้องต่างๆ มากมาย มีเครื่องเล่นแก้วหมุน มีห้องทำขนมที่เด็กๆ สามารถเข้าไปลองทำได้ แต่ที่ลูกชายชอบคือสนามเด็กเล่นซึ่งมีลูกบอลโฟมสำหรับเอาใส่เครื่อง แล้วเครื่องจะดูดลูกบอลไปตามท่อ แล้วพ่นออกมาที่ปลายท่ออีกด้านนึง





ชั้นสาม มี Bob, Pingu, Barney และ Angelina ชั้นนี้มีเวทีสำหรับการแสดงด้วย 

  

  

  
  

 


มาถึงชั้นสี่ Thomas town ซึ่งเป็นชั้นที่ลูกชายชอบมากที่สุด เล่นนานที่สุด มีรถไฟโทมัสให้นั่ง มีเครื่องเล่นเฮลิคอปเตอร์ จุดที่เล่นนานที่สุดคือเขาวงกตโทมัส (อันนี้ตั้งชื่อเองค่ะ เพราะมันเป็นทาง สไลเดอร์ และท่อให้เด็กๆ ไต่ไปเรื่อยๆ ซึ่งมีความซับซ้อน แบบว่าอยากเข้าไปในรถไฟเจมส์สีแดง หรืออยากเข้าไปเครื่องบิน ที่เห็นๆ อยู่ แต่หาทางไปไม่ได้สักที)
























หลังจากที่เล่นเสร็จแล้ว มีแท็กซี่สแตนบาย เราสามารถเดินทางไปโรงแรมได้สะดวก ราคาตามมิเตอร์